ทักษะการคิดทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Thinking Skills)
แหล่งที่มาของข้อมูล
1.
“ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการคิด
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษา ฉบับปรับปรุง “ กลุ่มพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ พิมพ์ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2555
2.
“ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการคิด
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาศึกษา ฉบับปรับปรุง “ กลุ่มพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ พิมพ์ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2555
3. http://www.transum.org/Software/Thinking_Skills/
4. http://www.novabizz.com/NovaAce/Intelligence/Critical_Thinking.htm
5. https://www.gotoknow.org/posts/313732
ทักษะการคิดทางคณิตศาสตร์ (Mathematical Thinking Skills)
คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่เหมาะสำหรับการพัฒนาเด็กให้เป็นนักคิดที่ดี
ซึ่งในการพัฒนาทักษะการคิดทางคณิตศาสตร์นี้จำเป็นต้องมีการวางแผน
ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ
ทักษะการคิดที่จำเป็นในการใช้และการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา การสื่อสาร และการใช้เหตุผล ( ที่มา http://www.transum.org/Software/Thinking_Skills/
)
จากเอกสาร
“ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการคิด
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษา ฉบับปรับปรุง “ ของกลุ่มพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ พิมพ์ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2555 ได้สรุปทักษะการคิดจากการวิเคราะห์ตามตัวชี้วัดที่นำมาใช้ในการพัฒนาผู้เรียนในแต่ละระดับชั้น
ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึง ป.6
เป็นดังนี้
ป.1
ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน * ทักษะการสังเกต
ทักษะการระบุ
ทักษะการเปรียบเทียบ
ทักษะการจำแนกประเภท * ทักษะการจัดกลุ่ม
ทักษะการเรียงลำดับ
ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการให้เหตุผล ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์
* ทักษะการคิดที่เป็นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ป.2
ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน ทักษะการสังเกต ทักษะการระบุ *
ทักษะการเปรียบเทียบ * ทักษะการจำแนกประเภท
ทักษะการจัดกลุ่ม
ทักษะการเรียงลำดับ
ทักษะการเชื่อมโยง
ทักษะการให้เหตุผล
ทักษะการวิเคราะห์
ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์
* ทักษะการคิดที่เป็นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ป.3
ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน ทักษะการสังเกต ทักษะการระบุ ทักษะการเปรียบเทียบ ทักษะการจำแนกประเภท * ทักษะการรวบรวมข้อมูล
ทักษะการเรียงลำดับ
ทักษะการสำรวจ ทักษะการแปลความ * ทักษะการเชื่อมโยง
ทักษะการให้เหตุผล
ทักษะการสรุปย่อ
ทักษะการสรุปอ้างอิง
ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา
ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์
* ทักษะการคิดที่เป็นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ป.4
ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน ทักษะการสังเกต * ทักษะการตั้งคำถาม ทักษะการระบุ
ทักษะการเปรียบเทียบ ทักษะการคัดแยก ทักษะการรวบรวมข้อมูล ทักษะการจัดกลุ่ม ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการเรียงลำดับ ทักษะการแปลความ ทักษะการเชื่อมโยง * ทักษะการให้เหตุผล
ทักษะการสรุปอ้างอิง
ทักษะการนำความรู้ไปใช้
ทักษะการวิเคราะห์
ทักษะการสังเคราะห์
ทักษะการหาแบบแผน
ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์
* ทักษะการคิดที่เป็นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ป.5
ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน ทักษะการสังเกต ทักษะการระบุ ทักษะการเปรียบเทียบ
ทักษะการจำแนกประเภท
* ทักษะการแปลความ
ทักษะการเรียงลำดับ * ทักษะการตีความ
ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการให้เหตุผล ทักษะการสรุปอ้างอิง ทักษะการนำความรู้ไปใช้ ทักษะการหาแบบแผน ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์
* ทักษะการคิดที่เป็นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ป.6
ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน ทักษะการสังเกต ทักษะการระบุ ทักษะการเปรียบเทียบ
ทักษะการเรียงลำดับ
ทักษะการแปลความ
ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการให้เหตุผล * ทักษะการสรุปอ้างอิง
* ทักษะการนำความรู้ไปใช้
ทักษะการวิเคราะห์
ทักษะการปรับโครงสร้าง
ทักษะการหาแบบแผน
ทักษะการพิสูจน์ความจริง ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์
* ทักษะการคิดที่เป็นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
และจากเอกสาร “ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการคิด
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาศึกษา ฉบับปรับปรุง “ ของกลุ่มพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ พิมพ์ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2555
ได้สรุปทักษะการคิดจากการวิเคราะห์ตามตัวชี้วัดที่นำมาใช้ในการพัฒนาผู้เรียนในแต่ละระดับชั้น
ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตั้งแต่ชั้น ม.1 ถึง ม.6
เป็นดังนี้
ม.1
ทักษะการระบุ ทักษะการเปรียบเทียบ
ทักษะการจำแนกประเภท
ทักษะการสำรวจ ทักษะการตีความ ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการให้เหตุผล ทักษะการนำความรู้ไปใช้ * ทักษะการวิเคราะห์ ทักษะการคิดคล่อง ทักษะการคิดหลากหลาย ทักษะการสรุปอ้างอิง ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะการหาแบบแผน ทักษะการพิสูจน์ความจริง
ทักษะการสรุปลงความเห็น
ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา
* ทักษะการคิดที่เป็นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ม.2
ทักษะการเปรียบเทียบ ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการรวบรวมข้อมูล ทักษะการตีความ ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการให้เหตุผล ทักษะการนำความรู้ไปใช้ ทักษะการสรุปลงความเห็น * ทักษะการสังเคราะห์ * ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะการหาแบบแผน ทักษะการพยากรณ์ ทักษะการคิดคล่อง ทักษะการทำความกระจ่าง ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา
ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์
* ทักษะการคิดที่เป็นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ม.3
ทักษะการสังเกต ทักษะการเปรียบเทียบ
ทักษะการสำรวจ
ทักษะการรวบรวมข้อมูล
ทักษะการตีความ ทักษะการแปลความ ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการให้เหตุผล ทักษะการวิเคราะห์ ทักษะการนำความรู้ไปใช้ ทักษะการปรับโครงสร้าง ทักษะการพยากรณ์ ทักษะการพิสูจน์ความจริงทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะกระบวนการคิดตัดสินใจ ทักษะการคิดกว้าง * ทักษะกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา * ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์
* ทักษะการคิดที่เป็นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
ม.4 - 6
ทักษะการระบุ ทักษะการสำรวจค้นหา
ทักษะการจำแนกประเภท
ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการให้เหตุผล ทักษะการนำความรู้ไปใช้ ทักษะการสรุปลงความเห็น ทักษะการสังเคราะห์ ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะการหาแบบแผน ทักษะการพยากรณ์ ทักษะการคิดคล่อง ทักษะการคิดหลากหลาย ทักษะการพิสูจน์ความจริง ทักษะกระบวนการคิดตัดสินใจ ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล ทักษะการตั้งสมมติฐาน ทักษะการทดสอบสมมติฐาน ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหา * ทักษะกระบวนการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
* ทักษะการคิดที่เป็นจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
แต่ในที่นี้จะแบ่งเป็นสองกลุ่ม
คือ การคิดเชิงวิพากษ์เป็นเหตุเป็นผล ( Critical Thinking ) และความรู้สึกเชิงจำนวน
( Number sense )
1. การคิดเชิงวิพากษ์เป็นเหตุเป็นผล ( Critical Thinking )
การคิดเชิงวิพากษ์เป็นกระบวนการใช้เหตุผลในการวิเคราะห์ปัญหา
เป็นการใช้ข้อมูลและการแก้ปัญหา
เพื่อช่วยตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำหรือเชื่อต่อไป มีหลักฐานจากการวิจัยจำนวนมากที่สนับสนุนความคิดที่ว่า
คนเราสามารถเรียนรู้
วิธีคิดในการตัดสินใจและการแก้ปัญหาได้ กฎต่างๆ ที่เป็นนามธรรม
การใช้เหตุผลในการคิดเป็นสิ่งที่สอนได้ ฝึกได้ การฝึกจะช่วยให้คนเราคิดหาสาเหตุที่ซ่อนเร้นไว้ของเหตุการณ์ต่างๆ
ในชีวิตประจำวัน มียุทธวิธีหลายอย่าง (Strategies) ที่ช่วยให้เราคิดเชิงวิเคราะห์ ประเมินปัญหา และตัดสินใจแก้ปัญหาอย่าง
สร้างสรรค์ (Feldman,1996: 274)
ดังนี้
- การระบุและคิดทบทวนปัญหา (Redefine the problems)
- คิดอย่างมีวิจารณญาณ (Adopt a critical perspective)
- ใช้หลักการของเหตุผล (Use analogies)
- คิดหลากหลาย (Think divergently)
- ใช้แนวคิดแบบองค์รวม (Use heuristics)
- ทดลองแก้ปัญหาหลายๆ แบบ (Experiment with various solutions)
คนเราต้องใช้ทักษะการคิดในการทำกิจกรรมต่างๆ
ในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยตัดสินใจเกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูล
เพื่อเลือกสิ่งต่างๆ จากตัวเลือก (Choices) ทั้งหลายที่มีอยู่มากมาย ผู้ที่มีทักษะการคิดเชิงวิพากษ์
จะสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ (Morrison, 2000) ดังนี้
- ระบุประเด็นสำคัญได้
- เปรียบเทียบความเหมือนกันและความแตกต่างกัน
- ตัดสินใจได้ว่าข้อมูลใดใช้ได้หรือเกี่ยวข้องกับปัญหานั้น ๆ
- ตั้งคำถามที่เหมาะสมได้
- แยกแยะระหว่างความจริงกับความคิดเห็นได้
และตัดสินได้ว่าการกระทำใดเป็น การกระทำที่ สมเหตุสมผล
- ตรวจสอบความคงที่ได้ (Checking consistency)
- ระบุความคิด / สมมุติฐานที่แฝงไว้ (Unstated ideas) ได้
- รู้ว่าอะไรเป็นการพูดแบบ Stereotype คือ
การคิดถึงลักษณะของคนใดคนหนึ่งแล้วเหมารวมว่าคนอื่นๆ จะเป็นเช่นเดียวกัน
- รู้ว่าข้อมูลใดเบี่ยงเบน (Bias) ข้อมูลใดเป็นการชวนเชื่อ หรือลำเอียง
- รับรู้ถึงค่านิยมที่แตกต่างกันและรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี
- ประเมินได้ว่าข้อมูลที่จำเป็นมีอะไรบ้าง ต้องใช้ข้อมูลมากเพียงใด
- คาดเดาผลที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้ (Consequences)
จุดมุ่งหมายของการฝึกทักษะการคิดเชิงวิพากษ์(
Critical Thinking ) คือการกระตุ้นให้เกิดคำถามอยู่เสมอ
ให้สงสัยในสิ่งที่ได้ยิน ได้เห็น ได้อ่าน และสำรวจความคิดของตนเอง ผู้ฝึกควรกระตุ้นให้ผู้รับการฝึกคิดโดยการเตรียม/จัดสิ่งแวดล้อม
ซึ่งคำนึงถึงแนวความคิดที่แตกต่างกันและหลากหลาย และเปิดโอกาสให้อภิปรายแสดงความเห็นอย่างอิสระในลักษณะระดมสมองพร้อมกับยอมรับความคิดเห็นของทุกคน
ทักษะต่างๆ
ต่อไปนี้ สามารถใช้สร้างทักษะและเพื่อฝึกการคิดในการใช้เหตุผลได้
- การวิเคราะห์ (Analyzing) สำรวจบางสิ่งบางอย่าง
ระบุส่วนประกอบและความสัมพันธ์ของส่วนประกอบเหล่านั้น ได้อย่างชัดเจน
- การสรุป (Inferring) ใช้เหตุผลสรุปจากข้อมูลที่ได้วิเคราะห์
- การเปรียบเทียบหาสิ่งที่เหมือนกันและต่างกัน (Comparing and Contrasting)
- การทำนาย (Predicting) สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจากสถานการณ์ที่มีอยู่
โดยอาศัยสิ่งแวดล้อมต่างๆ
- การตั้งสมมุติฐาน (Hypothesizing) จากการวิเคราะห์หลักฐานต่างๆ
ที่มีอยู่แล้วหาคำตอบที่อาจจะเป็นไปได้ หาวิธีแก้ปัญหาหลายๆ วิธี โดยต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ด้วย
- การคิดเชิงวิพากษ์หรือคิดอย่างมีวิจารณญาณ
(Critical Thinking) โดย
การสำรวจข้อมูล สำรวจหลักฐานและข้อถกเถียงต่างๆ อย่างรอบคอบ ไม่มีการลำเอียง
เพื่อหาข้อสรุปที่เป็นไปได้
- การใช้เหตุผลแบบอนุมาน (Deductive Reasoning) เป็นการใช้กฎ ทฤษฎี หรือหลักการ เพื่อวิเคราะห์หารายละเอียดปลีกย่อย
- การใช้เหตุผลแบบอุปมาน (Inductive Reasoning) เป็นการวิเคราะห์องค์ประกอบส่วนย่อยแล้วสรุปเป็นกฎ
ทฤษฎี หรือหลักการ
- การจัดระเบียบ การจัดการ (Organizing) สิ่งต่างๆ
โดยใช้เหตุผลประกอบ
- การจำแนกประเภท (Classifying) จัดสิ่งต่างๆ
เป็นเป็นประเภทเดียวกัน
- การตัดสินใจ (Decision Making) สำรวจทางเลือกทั้งหลายอย่างมีเหตุผลแล้วเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
- การแก้ปัญหา (Problem Solving) วิเคราะห์สถานการณ์ที่ยุ่งยาก
คิดริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหา
( ที่มา http://www.novabizz.com/NovaAce/Intelligence/Critical_Thinking.htm
)
2. ความรู้สึกเชิงจำนวน
( Number sense )
มีการให้ความหมายของความรู้สึกเชิงจำนวนไว้หลายทัศนะ
เช่น
นพพร แหยมแสง ( 2544 ) ให้ความหมายไว้ว่า
ความรู้สึกเชิงจำนวน หมายถึง การรับรู้เกี่ยวกับจำนวนในหลายๆ
ด้าน คือ ความเข้าใจความหมายของการใช้จำนวน ทั้งด้านจำนวนเชิงการนับ (Cardinal Number) และจำนวนเชิงอันดับที่
(Ordinal Number) การรู้ความสัมพันธ์ระหว่างจำนวน ความเข้าใจขนาดสัมพัทธ์ของจำนวน ความสามารถในการใช้ประสบการณ์มาเป็นเกณฑ์ในการอ้างอิงความเป็นไปได้ของการวัด
และความสามารถในการคิดคำนวณในใจได้อย่างยืดหยุ่น
กรมวิชาการ ( 2545 ) ให้ความหมายของความรู้สึกเชิงจำนวนไว้ว่า
เป็นสามัญสำนึกและความเข้าใจเกี่ยวกับจำนวนที่อาจพิจารณาในด้านต่างๆ เช่น เข้าใจความหมายของจำนวนที่ใช้บอกปริมาณ
เข้าใจความสัมพันธ์ที่หลากหลายของจำนวนใดๆ
กับจำนวนอื่นๆ เข้าใจเกี่ยวกับขนาดหรือค่าของจำนวนใดๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนอื่น เข้าใจผลที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินการของจำนวนและการใช้เกณฑ์จากประสบการณ์เทียบเคียงถึงความสมเหตุสมผลของจำนวน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(2545 ) ให้ความหมายของความรู้สึกเชิงจำนวนที่ครูควรพัฒนา ดังนี้
1)
ความเข้าใจจำนวนทั้งจำนวนเชิงการนับ และจำนวนเชิงอันดับที่
2)
ความเข้าใจความสัมพันธ์หลากหลายระหว่างจำนวน
3)
ความเข้าใจขนาดสัมพัทธ์ของจำนวน
4)
การรู้ผลสัมพัทธ์ของการดำเนินการ
5) ความสามารถในการพัฒนาสิ่งอ้างอิงในการหาปริมาณของสิ่งของและสถานการณ์ในสิ่งแวดล้อมของนักเรียน
6)
ความสามารถในการคิดคำนวณในใจได้อย่างยืดหยุ่น
7)
ความสามารถในการประมาณค่า
จากที่ไดกล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่า ความรูสึกเชิงจำนวนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนในวิชาคณิตศาสตร์เป็นอย่างมาก
ฮาวเดน ( Howden. 1989 ) ไดกล่าวว่า ความรูสึกเชิงจำนวนสร้างขึ้นภายในความคิดของนักเรียนอย่างเป็นธรรมชาติ
ทำให้เกิดความมั่นใจในคณิตศาสตร์ว่าเป็นวิชาที่เข้าใจได
มีเหตุมีผล ไมใช่การจำกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ไปใช้เท่านั้น
เช่น นักเรียนที่สามารถตัดสินใจว่าคำตอบที่ไดจากการคำนวณของตนนั้นมีความสมเหตุสมผล
และตระหนักว่ามีวิธีการหาคำตอบไดมากกว่าหนึ่งวิธี จะเกิดความมั่นใจในความสามารถของตนในการเรียนคณิตศาสตร์
นอกจากนี้ยังมีการวิจัยที่พบว่า
ความมั่นใจการเรียนคณิตศาสตร์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจศึกษาคณิตศาสตร์ต่อในอนาคตของนักเรียน รีสและคณะ (Reys and others. 1991 ) กล่าวสนับสนุนว่าผู้ที่มีความรูสึกเชิงจำนวนจะสามารถนำจำนวนไปใช้ในชีวิตประจำวันไดอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมตามสถานการณ สามารถนำไปใช้ในการคิดคำนวณในใจ การแกโจทย์ปัญหา การคิดขั้นสูง การประมาณ และสามารถพิจารณาความสมเหตุสมผล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะมีการส่งเสริมให้นักเรียนไดมีความรูสึกเชิงจำนวนโดยเฉพาะนักเรียนในระดับมัธยมศึกษา ความรูสึกเชิงจำนวนมีคุณค่าและมีความสำคัญ จึงต้องมีการพัฒนาและบรรจุไวในหลักสูตร ดังการเสนอของนักการศึกษาหลายท่านในหนังสือ
Everybody Counts ( National Research
Council. 1989 ) ที่กล่าวว่า ความรูสึกเชิงจำนวนเป็นจุดประสงค์ที่สำคัญของการเรียนคณิตศาสตร์
ในระดับชั้นประถมศึกษา นอกจากนั้นสภาครูคณิตศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา
( The National Council Teachers of
Mathematics หรือ NCTM ) ไดออกหนังสือลงมาตรฐานหลักสูตรและการประเมินผลคณิตศาสตร์ในโรงเรียน
( Curriculum and Evaluation
Standards for School Mathematics ) โดยให้เน้นและให้ความสำคัญกับความรูสึกเชิงจำนวนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับมัธยมศึกษา
( ที่มา https://www.gotoknow.org/posts/313732 )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น