ความคิดสร้างสรรค์ – creative thinking
เรียบเรียงจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ดังนี้
1. http://elearning.aru.ac.th/2513302/soc06/topic12/linkfile/print5.htm
2. https://sites.google.com/site/krunoinetwork/khwam-khid-srangsrrkh-kab-kar-reiyn-ru
3. http://www.dek-d.com/article/25654/
4. http://www.glencoe.com/sec/busadmin/entre/teacher/creative/
5. http://en.wikipedia.org/wiki/J.P._Guilford
6. http://en.wikipedia.org/wiki/Ellis_Paul_Torrance
7. http://edwdebono.com/course
8. www.poungkramschool.com/files/Art.pdf
9. www.nrdo.navy.mi.th/jreport/mmaga/.../p11248.pdf
10. วีณา
ประชากูล วารสารวิชาการปีที่ 9 ฉบับที่ 3
กรกฎาคม – กันยายน 2549
11. http://educationmuseum.wordpress.com/2013/03/16/test-of-creative-thinking-drawing-production/
12. แบบทดสอบความคิดสร้างสรรค์จากผลการวาดภาพ
TCT – DP โรงเรียนเมรี่อิมมาคุเลตคอนแวนต์ อำเภอเมือง
จังหวัดชลบุรี : learn.rru.ac.th/moodle/moodle/file.../1/.../_TCT.docx
13. https://sites.google.com/site/krunoinetwork/khwam-khid-srangsrrkh-kab-kar-reiyn-ru
14. http://www.bsru.ac.th/study/decision/ex1/a1.htm
15. http://www.ds.ru.ac.th/math/braind%20new_page_1.htm
ภาพจาก http://kruthai40.ning.com/profiles/blogs/creative-thinking
ความคิดสร้างสรรค์ 01 (
สมองกับการคิด 1 )
ความหมายของการคิด
การคิดเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในสมองที่ใช้สัญลักษณ์หรือภาพแทนสิ่งของ
เหตุการณ์ หรือสถานการณ์ต่างๆ โดยมีการจัดระบบความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ซึ่งเป็นประสบการณ์เดิมกับประสบการณ์ใหม่หรือสิ่งเร้าใหม่
ทั้งในรูปแบบธรรมดาและสลับซับซ้อน ผลจากการจัดระบบสามารถแสดงออกได้หลายลักษณะ เช่น
การให้เหตุผล การแก้ปัญหาต่างๆ
โครงสร้างทางสมองกับการคิด
โรเจอร์ สเปอร์รีย์
และ โรเบิร์ต ออร์นสไตล์ จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนียได้รับรางวัลโนเบลในปี ค.ศ.1972 จากการค้นพบว่าสมองของคนเราแบ่งออกเป็น 2 ซีก
คือสมองซีกซ้าย (Left Hemisphere) กับสมองซีกขวา
(Right Hemisphere) และแต่ละซีกมีหน้าที่ที่แตกต่างกันดังนี้
สมองซีกซ้ายจะควบคุมดูแลพฤติกรรมของมนุษย์ในเรื่องต่างๆ
ต่อไปนี้
1. การคิดในทางเดียว
(คิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง)
2. การคิดวิเคราะห์ (แยกแยะ)
3. การใช้ตรรกศาสตร์และการใช้เหตุผลเชิงคณิตศาสตร์
4. การใช้ภาษา
มีทั้งการอ่านและการเขียน
สรุปได้ว่าสมองซีกซ้ายจะควบคุมดูแลพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวกับการใช้เหตุผล
การคิดวิเคราะห์ ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานในสายของวิชาทางวิทยาศาสตร์ (Sciences) เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้สมองซีกซ้ายยังเป็นตัวควบคุมการกระทำ
การฟัง การเห็น และการสัมผัสต่างๆ ของร่างกายทางซีกขวา
สมองซีกขวาจะควบคุมดูแลพฤติกรรมของมนุษย์ในเรื่องต่างๆ
ต่อไปนี้
1. การคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
2. การคิดแบบเส้นขนาน
(คิดหลายเรื่อง แต่ละเรื่องจะไม่เกี่ยวข้องกัน)
3. การคิดสังเคราะห์
(สร้างสิ่งใหม่)
4. การเห็นเชิงมิติ (กว้าง ยาว
ลึก)
5. ดนตรี ศิลปะ จินตนาการ
6. การเคลื่อนไหวของร่างกาย
ความรัก ความเมตตา รวมถึงสัญชาติญาณและลางสังหรณ์ต่างๆ
สรุปได้ว่าสมองซีกขวาจะควบคุมดูแลพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์
จริยธรรม อารมณ์ ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานในสายของวิชาทางศิลปศาสตร์ (Arts) เป็นส่วนใหญ่
และยังเป็นตัวควบคุมการทำงานของร่างกาย
ทางซีกซ้ายด้วย
ภาพจาก http://www.ds.ru.ac.th/math/braind%20new_page_1.htm
ตารางต่อไปนี้แสดงความถนัดและสไตล์การเรียนรู้ของสมองแต่ละซีก
สมองซีกซ้าย(Left Hemisphere)
|
สมองซีกขวา (Right Hemisphere)
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
การศึกษาในโรงเรียนในระบบเดิมให้ความสำคัญมากกับการใช้สมองซีกซ้าย
ส่งเสริมให้เด็กได้รับการฝึกฝนความสามารถในการใช้เหตุผล การใช้ภาษา อยากให้เด็กๆ
มีอาชีพ เป็นแพทย์ เป็นนักวิทยาศาสตร์
ส่วนการส่งเสริมทางด้านความคิดสร้างสรรค์มีน้อย ดังเช่น “ ว่านอนสอนง่าย” “ เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด ”
ต่อมาเห็นความสำคัญกับการใช้สมองซีกขวาดังตัวอย่างเช่น การส่งเสริมการแสดงออกแบบต่างๆ
การส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กเรียนทางด้านการออกแบบ
การแสดง การประชาสัมพันธ์ จากการที่สมองทั้ง
2 ซีกทำหน้าที่ต่างกัน
เราจึงสามารถสรุปเกี่ยวกับลักษณะของบุคคลซึ่งใช้สมองด้านใดด้านหนึ่งมากกว่าอีกด้านหนึ่งได้
ดังนี้
คนที่ทำงานโดยใช้สมองซีกขวามากกว่าซีกซ้าย
จะมีลักษณะเด่นที่แสดงออกคือ เป็นคนที่ทำอะไรตามอารมณ์ตนเอง
อาจมีอารมณ์อ่อนไหวได้ง่าย แต่จะเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง เหมาะสำหรับการเป็นนักออกแบบ เป็นศิลปิน
คนที่ทำงานโดยใช้สมองซีกซ้ายมากกว่าซีกขวา
จะมีลักษณะเด่นที่แสดงออกคือ ทำงานอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน เป็นเหตุเป็นผล ด้วยความคิดเชิงวิเคราะห์ เปรียบเทียบ
เหมาะสำหรับงานทางด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบระบบงานต่างๆ แต่อาจทำให้ไม่ได้คำนึงถึงจิตใจของคนรอบข้างมากนัก
จากข้อสรุปดังกล่าว
จะเห็นว่าถ้าเราใช้สมองด้านใดด้านหนึ่งมากกว่าอีกด้านหนึ่ง
อาจจะทำให้เกิดผลเสียได้ ดังนั้นเราทุกคนควรใช้สมองทั้งสองซีก
เมื่อเจอปัญหา
การหาทางแก้ปัญหาเราใช้สมองซีกขวา ใช้จินตนาการ ในการหาหนทางแก้ปัญหา
โดยคิดถึงผลที่ได้โดยรวมซึ่งคิดได้หลายวิธี แต่ในขณะเดียวกันเราก็ใช้สมองซีกซ้ายเพราะว่าเราจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรคือความจริงเพื่อใช้ความสามารถในการวิเคราะห์และการจัดการเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข
ตัวอย่างกิจกรรม
อาหารมื้อต่อไป ให้ลองพิจารณาถึงสิ่งต่อไปนี้
(การใช้สมองซีกซ้าย)
1. ในอาหารมื้อนี้ ได้ธาตุอาหารครบหมู่
หรือไม่
2. มีไขมันมากเกินไปหรือเปล่า
3. มีโปรตีนเพียงพอหรือไม่
4. ใช้เวลาหลังอาหารพิจารณาว่าต้องทำอะไรต่อไป
(การใช้สมองซีกขวา)
1. สีสัน
และลักษณะของอาหารแต่ละอย่างเป็นอย่างไร
2. น้ำซอสหรือน้ำมันที่ใส่
หรือเหยาะลงบนอาหารไหลไปในทิศทางใด
3. กลิ่นอาหารเป็นอย่างไร
4. รสของอาหาร
และอุณหภูมิของอาหารมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ และอย่างไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น