เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
1. เทคนิคความกล้าที่จะริเริ่ม จากการวิจัยพบว่าความคิดสร้างสรรค์ต่ำสามารถปลูกฝังและส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์สูงขึ้นได้
ด้วยการถามคำถาม และให้โอกาสได้คิดคำตอบในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
เป็นที่ยอมรับของผู้อื่น สามารถพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นได้ แม้บุคคลที่มีความคิดว่าตนเองไม่มีความคิดสร้างสรรค์ก็สามารถสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นด้วยการฝึกฝน
ภาพจาก https://www.facebook.com/CreativeThinkingSkills?directed_target_id=0
ภาพจาก http://taamkru.com/?page=11&show=
ภาพจาก http://blog.vee-ra.com /พลังสมอง-ความคิดบวก/
หลักเกณฑ์ในการระดมสมอง
3.1 ประวิงการตัดสินใจ เมื่อบุคคลเสนอความคิดขึ้นมา
จะไม่มีการวิพากษ์ วิจารณ์ หรือตัดสินความคิดใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่เห็นว่าดี มีคุณภาพ หรืออาจมีประโยชน์น้อยก็ตาม
การตัดสินใจยังไม่กระทำในตอนเริ่มต้นคิด
3.2 อิสระทางความคิด บุคคลมีอิสระที่จะคิดหาคำตอบ หรือเสนอความคิด
ความคิดยิ่งแปลกแตกต่างจากผู้อื่นยิ่งเป็นความคิดที่ดี
เพราะความคิดแปลกแยกอาจนำไปสู่ความคิดริเริ่ม
3.3 ปริมาณความคิด บุคคลยิ่งคิดได้มาก ได้เร็ว
ยิ่งเป็นที่ต้องการส่งเสริมและกระตุ้นให้บุคคลคิดมากๆ ได้ยิ่งดี
3.4 การปรุงแต่งความคิด ความคิดที่ได้เสนอไว้ทั้งหมด
นำมาพิจารณาตัดสินจัดลำดับความสำคัญของความคิด โดยใช้เกณฑ์กำหนดในเรื่องของเวลา บุคคลงบประมาณ
ประโยชน์ เป็นต้น
4. เทคนิคอุปมาอุปไมยความเหมือน
เป็นวิธีการที่ใช้หลักการคิด 2 ประการ คือ “ทำสิ่งที่คุ้นเคยให้เป็นสิ่งแปลกใหม่” และ “ทำสิ่งที่แปลกใหม่ให้เป็นสิ่งที่คุ้นเคย” กล่าวคือ การคิดจากสิ่งที่บุคคลคุ้นเคย รู้จัก ไปสู่สิ่งที่แปลกใหม่
หรือยังไม่คุ้นเคย และในทำนองเดียวกันก็อาจคิดจากสิ่งที่แปลกใหม่ ไม่คุ้นเคย ไปสู่สิ่งธรรมดาหรือคุ้นเคย
ซึ่งจากความคิดลักษณะนี้ทำให้นักคิดสร้างสรรค์สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่แปลกใหม่ได้มาก
ตัวอย่างเช่น “การคิดเข็มฉีดยา” ก็เกิดความคิดจากการที่ถูกยุงกัดและดูดเลือดขึ้นมา
เป็นต้น
การคิดจากสิ่งที่คุ้นเคยไปสู่สิ่งแปลกใหม่
และคิดจากสิ่งแปลกใหม่ไปสู่สิ่งคุ้นเคย ทำได้โดยใช้การเปรียบเทียบอุปมาอุปไมย
จากรูปลักษณะ หรือหน้าที่ของสิ่งที่คิด
วิธีการนี้มักจะเน้นการแสดงความคิดและอารมณ์ผสมผสาน
เพื่อให้เกิดการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์โดยการใช้ลักษณะความเหมือนหรือความคล้ายคลึงของสิ่งของ
ซึ่งการคิดลักษณะเช่นนี้ ทำให้ความคิดเจริญงอกงาม บุคคลสามารถเข้าใจสิ่งใหม่ๆ
ได้โดยการเปรียบเทียบกับสิ่งเก่าที่เป็นที่รู้จักกันดีแล้ว ตัวอย่างเช่น สมัยก่อนเราเรียกรถไฟว่า “ม้าเหล็ก” และพยายามอ้างถึงสิ่งที่รู้จักอยู่ตลอดเวลา เช่น
มักจะพูดว่า “ค้อนมีหัว” “โต๊ะมีขา” “ถนนมีไหล่” เป็นต้น
วิธีการคิดอุปมาอุปไมยจากลักษณะความเหมือนมีดังนี้
4.1 เปรียบเทียบความเหมือนโดยตรง
(Direct Analog) เป็นเปรียบเทียบในรูปลักษณะที่เป็นจริงทั้งความรู้และเทคโนโลยีในสิ่งที่นำมาพิจารณา
ตัวอย่างเช่น Sir March Isumbard Brunel สังเกตหนอนชนิดหนึ่งที่ขุดรูอยู่เป็นทางยาวคล้ายๆ
ท่อตามต้นไม้ ตัวเขาเองกำลังคิดสร้างท่อน้ำใต้ดินอยู่ จึงคิดเปรียบเทียบท่อน้ำใหญ่
และรังของหนอนมีลักษณะคล้ายกัน แต่มีวิธีการสร้างรังของหนอนเป็นที่น่าสังเกต
เพราะมันมีอวัยวะที่ใช้ขุดไชเข้าไปในเนื้อเป็นรูปยาวคล้ายรังหนอนได้เหมือนกัน
การเปรียบเทียบลักษณะนี้ทำให้เขาประดิษฐ์เครื่องขุดท่อใต้ดินได้สำเร็จ
4.2 การเปรียบเทียบความรู้สึกของตนเอง
(Personal Analog) การนำเอาสิ่งของสถานการณ์เข้ามาเป็นความรู้สึกของตนเอง
โดยทำให้ตนเองเข้ามามีบทบาทไปตามสถานการณ์นั้น
อาจจะทำให้ตัวเราสามารถหาทางแก้ปัญหาได้ เช่น นักเคมี
อาจคิดเทียบตัวเองเป็นเหมือนโมเลกุลของธาตุชนิดหนึ่งที่พยายามทำปฎิกิริยาของธาตุอื่น
ฟาราเดย์ได้พยายามทำความเหมือนของตนเองให้เข้าไปอยู่ในใจกลางของสารนำไฟฟ้า
เพื่อที่จะทำให้เห็นลักษณะของอะตอมได้โดยสร้างภาพความคิด หรือเคคคูล (Kekule) พยายามคิดว่าตนเองมีความรู้สึกเหมือนงูที่กำลังกินหางตนเอง
ขณะที่เขากำลังคิดถึงลักษณะโมเลกุลของเบนซิงริง ซึ่งมีความน่าจะเป็นมากกว่าโมเลกุลของคาร์บอนที่มีอะตอมจับกันเป็นลูกโซ่เป็นต้น
4.3 การเปรียบเทียบกับสัญลักษณ์
(Symbolic Analog) เป็นการเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ
หรือปัญหา หรือสถานการณ์ให้เป็นไปในลักษณะของสัญลักษณ์
ซึ่งอาจเป็นการใช้ภาษาแต่งเป็นโคลง ฉันท์กาพย์กลอน หรือ
ข้อความบรรยายแสดงออกซึ่งความมีสุนทรียภาพ
การใช้สัญลักษณ์ในการเปรียบเทียบมักจะได้ความคิดที่ฉับพลันทันที
และได้ภาพพจน์ชัดเจน
4.4 การเปรียบเทียบโดยใช้ความคิดฝัน
(Fantastic Analog) ทุกคนมีความปรารถนาหรือความใฝ่ฝันในบางสิ่งบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ภายในใจเสมอ
ความคิดฝันนั้นอาจถ่ายทอดออกมาเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีคุณค่า และในบางครั้งความคิดฝันอาจนำไปสู่วิธีการแก้ปัญหาที่แท้จริงได้
โดยเราไม่พะวงว่าความคิดนั้นจะต้องเป็นจริงเสมอไป
ภาพจาก http://www.l3nr.org/posts/528403
ขั้นตอนการฝึกการคิดเปรียบเทียบอุปมาอุปไมย
ขั้นที่ 1 นำเข้าสู่แนวคิดเปรียบเทียบสิ่งที่กำหนดให้ว่าเหมือนอะไร
เช่น
คำถาม ที่เหลาดินสอเหมือนกับอะไร
คำตอบ รถตัดหญ้า เครื่องบดปลาหมึก กว้านสมอเรือ
ขั้นที่ 2 เปรียบเทียบโดยตรง เปรียบเทียบได้ว่าเหมือนอย่างไร
เช่น
รถตัดหญ้าเหมือนที่เหลาดินสออย่างไร
ขั้นที่ 3 เปรียบเทียบกับความรู้สึกของตนเอง
ใช้ความรู้สึกตนเอง เช่น
ถ้าเป็นต้นหญ้าท่านจะรู้สึกอย่างไร
ขั้นที่ 4 เปรียบเทียบว่าเหมือนอย่างหนึ่งแต่ไม่เหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง
เช่น
หยดน้ำฝนเหมือนน้ำตา
แต่ไม่เหมือนเมฆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น