โครงสร้างสมรรถภาพทางสมอง
กิลฟอร์ด (Guilford, 967.) นักจิตวิทยาชาวอเมริกันได้ศึกษาโครงสร้างสมรรถภาพทางสมองโดยเน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ความมีเหตุผลและการแก้ปัญหา จนได้แบบจำลองโครงสร้างสมรรถภาพทางสมองดังภาพ
ภาพรูปแบบโครงสร้างสมรรถภาพทางสมองของกิลฟอร์ด
ภาพจาก http://www.bsru.ac.th/study/decision/ex1/a1.htm
รูปแบบโครงสร้างสมรรถภาพทางสมองของกิลฟอร์ดเป็นระบบสามมิติประกอบด้วย
1. มิติทางด้านเนื้อหาการคิด (contents) หมายถึง วัตถุหรือข้อมูลต่างๆ
ที่รับรู้ ใช้เป็นสื่อก่อให้เกิดการคิดเนื้อหา
แบ่งเป็น 5 ชนิด คือ
-
เนื้อหาที่เป็นภาพ (figural content) หมายถึง
ข้อมูลหรือสิ่งเร้าที่เป็นรูปธรรมต่างๆ บุคคลสามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส
-
เนื้อหาที่เป็นเสียง (auditory content) หมายถึง
สิ่งที่อยู่ในรูปของเสียงที่มีความหมาย
-
เนื้อหาที่เป็นสัญลักษณ์ (symbolic content) หมายถึง
ข้อมูลหรือสิ่งเร้าที่อยู่ในรูปเครื่องหมายต่างๆ เช่น ตัวอักษร ตัวเลข รวมทั้งสัญลักษณ์ต่างๆ
-
เนื้อหาที่เป็นภาษา (semantic content) หมายถึง
ข้อมูลหรือสิ่งเร้าที่อยู่ในรูปถ้อยคำที่มีความหมายต่างๆ กัน
สามารถใช้ติดต่อสื่อสารได้
- เนื้อหาที่เป็นพฤติกรรม (behavior content) หมายถึง ข้อมูลที่เป็นการแสดงออกของมนุษย์
เจตคติ ความต้องการ รวมถึง ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การกระทำที่สามารถสังเกตได้
2. มิติด้านวิธีการคิด (operations)
หมายถึง กระบวนการคิดต่างๆ ที่สร้างขึ้น ประกอบด้วยความสามารถ 5 ชนิด ดังนี้
-
การรู้และการเข้าใจ (cognition) เป็นความสามารถทางสติปัญญาของมนุษย์ในการรับรู้และทำความเข้าใจ
-
การจำ(memory) เป็นความสามารถทางสติปัญญาของมนุษย์ในการเก็บสะสมความรู้และข้อมูลต่างๆ
และสามารถระลึกได้เมื่อต้องการใช้
- การคิดแบบอเนกนัย
(divergent thinking) เป็นความสามารถในการคิดคล่องและคิดหลากหลาย
นั่นคือสามารถที่จะคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง
ให้ได้ผลของการคิดจำนวนมาก รวดเร็ว ตรงประเด็น หรือหลายรูปแบบ
และเป็นความสามารถในการคิดริเริ่ม ซึ่งเป็นการคิดที่มีลักษณะหรือมุมมองใหม่ๆ
-
การคิดแบบเอกนัย (convergent thinking) เป็นความสามารถในการสรุปคำตอบที่ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด
จากข้อมูลหรือสิ่งเร้าที่มีหลากหลาย
-
การประเมินค่า (evaluation) เป็นความสามารถทางสติปัญญาในการตัดสินสิ่งที่รับรู้
สิ่งที่จำได้ หรือกระบวนการคิดนั้นว่ามีคุณค่า ถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่ โดยอาศัยเกณฑ์ที่ดีที่สุด
3. มิติด้านผลของการคิด (products)
หมายถึง ความสามารถที่เกิดจากการผสมผสานมิติด้านเนื้อหาและด้านปฏิบัติการเข้าด้วยกันเป็นผลผลิต
เมื่อสมองรับรู้จากสิ่งเร้าทำให้เกิดการคิดในรูปแบบต่างๆ กัน ซึ่งผลที่ได้แบ่งเป็น
6 ชนิดคือ
-
หน่วย (unit) หมายถึง สิ่งที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างไปจากสิ่งอื่นๆ
เช่น โต๊ะ ตู้ เสือ เป็นต้น
-
จำพวก (class) หมายถึง
ประเภทหรือกลุ่มของหน่วยที่มีลักษณะร่วมกัน เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ได้แก่ คน
สุนัข แมว เป็นต้น
-
ความสัมพันธ์ (relation) หมายถึง
ผลของการเชื่อมโยงความคิดของประเภทหรือหลายประเภทเข้าด้วยกัน เช่น สิงโตคู่กับป่า
ปลาคู่กับน้ำ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับที่อยู่อาศัย
-
ระบบ (system) หมายถึง
การเชื่อมโยงกลุ่มของสิ่งเร้า โดยอาศัยกฎเกณฑ์หรือแบบแผนบางอย่าง เช่น 2 , 4 , 6 , 8 เป็นระบบเลขคู่
-
การแปลงรูป (transformation) หมายถึง
การเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง ตีความ ขยายความ ให้นิยามใหม่
-
การประยุกต์ (implications) หมายถึง
การคาดคะเน หรือทำนายจากข้อมูลหรือสิ่งเร้าที่กำหนด
โครงสร้างทางสติปัญญาตามทฤษฎีของกิลฟอร์ดประกอบด้วยหน่วยจุลภาคจากทั้งสามมิติ
เท่ากับ 5 x 5 x 6 คือ 150 หน่วย
แต่ละหน่วยประกอบด้วย เนื้อหา–ปฏิบัติการ–ผลผลิต (contents – operations – products)
นอกจากนี้กิลฟอร์ดได้อธิบายเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์
(creative thinking ) โดยเทียบกับโครงสร้างทางสติปัญญาที่กล่าวมาแล้ว
และนำมาศึกษาเฉพาะส่วนที่เป็นกระบวนการคิด ด้านการคิดแบบอเนกนัย
โดยใช้มิติด้านเนื้อหา และผลผลิต
ทำให้ได้หน่วยจุลภาคที่แทนความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์อยู่ที่ 1 x 5 x
6 ดังภาพ
ภาพแสดงสมรรถภาพด้านความคิดสร้างสรรค์ของกิลฟอร์ด
ภาพจาก http://www.bsru.ac.th/study/decision/ex1/a1.htm
ต่อไปนี้เป็นการฝึกสมองเล็กๆ
น้อยๆ
( ทั้งหมดมาจาก
http://www.ds.ru.ac.th/math/braind%20new_page_1.htm
)
1. ใครสูงกว่าใคร คนที่ 1 หรือ คนที่ 2 หรือ คนที่ 3
( คำตอบ ทุกคนสูงเท่ากัน )
3. หญิงสาว หรือ คนแก่
4. ให้อ่านสีที่เขียนคำต่างๆ ด้านล่างนี้ เช่นคำแรกพิมพ์ด้วยสีเขียวก็ให้อ่านว่า "เขียว" อ่านให้เร็วที่สุด
(สมองซีกซ้ายของเราพยายามที่จะอ่านตัวหนังสือ แต่ซีกขวาพยายามจะแปลความหมายของสี จึงทำให้เรารู้สึกงง)
5. มีนกกี่ตัว มีปลากี่ตัว
6. มีจุดสีดำกี่จุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น