5. เทคนิคการคิดอย่างมีประสิทธิภาพ การคิดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสู่การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เป็นความคิดของ
เอ็ดเวิด เดอ โบโน (Edward De Bono) นักจิตวิทยาและศาสตราจารย์ทางเภสัชแห่งมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์
ประเทศอังกฤษ ได้เสนอกระบวนการคิดไว้ 7 ขั้นตอน
ปรากฏว่าเป็นที่นิยมใช้แพร่หลายและได้ผลดี
เดอ โบโน ยังได้กล่าวไว้ว่า
การคิดอย่างสร้างสรรค์นั้นเกิดจากการคิดแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันโดยใช้เครื่องฝึกคิด
7 ขั้น
ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพการคิดอย่างสร้างสรรค์ของบุคคลได้
ขั้นที่ 1 ให้สนใจทั้งด้านบวกและด้านลบ
หรือเรียกย่อๆ ว่า PMI (Plus,
Minus and Interesting) ขั้นแรกนี้ให้เริ่มคิด มองสิ่งต่างๆ
ให้กว้างขวาง โดยไม่จำกัดเฉพาะสิ่งใดสิ่งหนึ่งก่อน ตัวอย่างเช่น ให้ท่านมองดูรอบๆ
ห้องที่นั่งอยู่แล้วบอกว่า มีอะไรบ้างที่มีสีแดง
เสร็จแล้วให้หลับตาแล้วถามตนเองว่า มีอะไรบ้างที่เป็นสีเขียว แล้วลืมตามองดูรอบๆ
อีกครั้งหนึ่ง จะพบว่าท่านจะตอบสิ่งที่เป็นสีเขียวได้น้อยมาก ทั้งนี้เพราะท่านได้รับคำสั่งแรกให้ดูสีแดงจึงไม่สนใจสังเกตสีอื่นๆ
ซึ่งเดอ โบโนกล่าวว่าเป็นการคิดที่ไม่รอบคอบ
และไม่กว้างขวาง จึงได้เสนอเทคนิค PMI โดยการตั้งเป็นปัญหาหรือคำถามขึ้นมา
ตัวอย่างเช่น ในการอภิปรายถกเถียงเรื่องของการออกแบบสร้างรถประจำทางขึ้นใหม่
โดยมีผู้เสนอว่าควรออกแบบชนิดที่ไม่ต้องมีที่นั่งเลย โดยผู้โดยสารโหนก็ได้
ท่านมีความคิดเห็นต่อข้อเสนอดังกล่าวอย่างไรและทำไม
การฝึกความคิดแบบ PMI คือ พยายามคิดและเขียนรายการที่มีทั้งรายการที่เป็นส่วนที่ดี
และส่วนที่ไม่ดีของข้อเสนอให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ รวมทั้งข้อคิดที่เป็นกลางๆ
แต่น่าสนใจ จะพบว่าจะได้ทั้งข้อดีและข้อไม่ดีหลายข้ออย่างน้อยอาจคิดได้
8 – 10 ข้อ ในช่วงเวลา 3 – 4 นาที
จุดมุ่งหมายของการฝึกคิด PMI ก็เพื่อให้บุคคลเป็นคนใจกว้างในการคิด มากกว่าที่จะคิดแบบเฉพาะเจาะจง หรือติดอยู่กับแนวคิดที่เป็นอคติของตน
หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึก PMI เป็นการขยายความตั้งใจ ความสนใจให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ป้องกันไม่ให้บุคคลยึดมั่นในสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยไม่คิดถึงสิ่งอื่นๆ
ภาพจาก http://claiknoe2.wordpress.com/
ขั้นที่ 2 ให้พิจารณาองค์ประกอบทั้งหมด
(Consideration of All Factors) หรือเรียกย่อเรียกว่า CAF ในขั้นนี้มีจุดมุ่งหมายให้แน่ใจว่าได้คิดถึงทุกๆ สิ่ง คิดถึงทุกๆ
ด้านที่เห็นว่าสำคัญที่จะช่วยในการตัดสินใจ ตัวอย่าง เช่น ถ้า
จะซื้อบ้านใหม่สักหลังหนึ่ง การคิด CAF ก็ด้วยการตั้งคำถามกับองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับบ้าน เป็นต้นว่า ขนาดของบ้าน
ราคา ทิศทาง บริเวณทำเลที่ตั้ง การระบายน้ำ เป็นต้น ซึ่งคงไม่มองเฉพาะความสวยงาม มีหลายห้อง สีสันถูกใจเพียงเท่านั้น
ภาพจาก http://www.empowernetwork.com/movemountains/blog/the-science-of-getting-rich-in-10-simple-steps/
ขั้นที่ 3 การพิจารณาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา
และลำดับที่จะเกิดขึ้น (Consequences
and sequel) หรือเรียกว่า C&S ทำให้เห็นแนวทางความเป็นไปได้หลายๆ ทาง หรือหลายแง่มุม
กระบวนการนี้จะช่วยในการตัดสินใจว่าทางใดดีที่สุด
เทคนิคที่เดอ โบโนใช้นั้นก็คือ จินตนาการถึงผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 4 ระยะ คือ ทันทีทันใดหลังกระทำ ระยะสั้น คือ ในอนาคตอันใกล้ ระยะกลาง
และระยะยาว คือ ตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ตัวอย่างเช่น คำถามว่า “อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราใช้น้ำมันหมดแล้ว” อะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าเราใช้เครื่องจักรแทนแรงงานมนุษย์ในโรงงานทั้งหมด
จึงจินตนาการถึงสิ่งที่เกิดมาตามลำดับ การฝึก C&S จะเกิดทักษะนำไปประยุกต์วิธีการตัดสินใจในชีวิตได้
ภาพจาก http://www.cortthinking.com/cort/1/cs-consequence-and-sequel-cort-1-lesson-4
ขั้นที่ 4 คิดถึงจุดมุ่งหมาย จุดมุ่งหมายปลายทาง
หรือวัตถุประสงค์ เรียกย่อๆ ว่า AGO (Aims,
Goals and Objectives) คือวิธีการที่จะให้คิดดีขึ้น คือ
การฝึกปฏิบัติเขียนรายการเหตุผลให้มากกว่าการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ
ตัวอย่างเช่น ในการเล่นเทนนิส ชายผู้หนึ่งมักแพ้เสมอ เพราะเขาพยายามตีลูกตบอยู่เสมอ
ทำให้ลูกติดตาข่ายประจำ แม้ว่าเขาจะคิดถึง “การชนะ” เป็นจุดมุ่งหมายปลายทางก็ตาม
แต่เขากลับทำใจในจุดหมายหนึ่ง คือ
ปรารถนาที่จะตีลูกอย่างวิเศษ หรือให้มองดูว่า “เก่ง” ในการตีลูกตบ การที่จุดมุ่งหมายอื่นเข้ามาแทรก
จึงไม่สามารถถึงจุดมุ่งหมายเดิม คือ การชนะในการเล่นเทนนิสได้ เป็นต้น
ภาพจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=706063
ขั้นที่ 5 สิ่งสำคัญเป็นอันดับแรก
(First Important Priorities) หรือเรียกย่อๆ ว่า FIP เป็นการช่วยให้บุคคลประเมินทางเลือกที่มีอยู่หลายทาง
แล้วตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุด เช่น การตัดสินใจซื้อของบางอย่าง เราก็คงคำนึงถึงความจำเป็นที่สุดเป็นอันดับแรกจึงตัดสินใจ
เป็นต้น ส่วนใหญ่คนเรามักจะตัดสินใจทำอะไรจากความรู้สึก
ซึ่งไม่ใช่ความคิด
ภาพจาก http://www.cortthinking.com/cort/1/fip-first-important-priorities-cort-1-lesson-7
ขั้นที่ 6 ทางเลือก
ทางที่อาจเป็นไปได้ หรือการเลือก เรียกย่อว่า APC (Alternatives,
Possibilities or Choices) ช่วยค้นหาทางเลือกที่เป็นไปได้ เช่น
ในการคิดค้นการทำหลอดไฟฟ้าของเอดิสัน แสดงให้เห็นทางเลือกหลายๆ ทาง คือ
เขาพยายามใช้วัสดุแปลกๆ ไปกว่าที่คนอื่นเคยคิดว่าสามารถทำไส้หลอดไฟฟ้าได้ นับพันๆ
ชนิด รวมทั้งจุกไม้คอร์ก เชือกสายเบ็ด จนในที่สุดประสบความสำเร็จจากเส้นใยคาร์บอน
เป็นต้น
ภาพจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=706063
ขั้นที่ 7 ความคิดเห็นจากด้านอื่นๆ
หรือเรียกว่า OPV (Other People's Views) เป็นการมองความคิดจากภายนอก
หรือทำเสมือนว่าคนภายนอกคิดอย่างไรต่อเรื่องนั้นๆ หรือมองปัญหาในแง่ของคนอื่น
หรือเป็นการมองปัญหาโดย “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ซึ่งจะช่วยให้มองปัญหาและแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น
เจ้าของรถยนต์ไปซื้อวิทยุติดรถยนต์เครื่องใหม่ ซึ่งผู้ขายแนะนำว่าดีที่สุด
เหมาะสมที่สุด แต่เมื่อนำมาติดตั้งจริงๆ แล้วมิได้มีคุณภาพดีกว่าเดิม
เจ้าของรถยนต์โมโหและไปทวงเงินคืน แต่เขาลองสมมติว่า ถ้าเขาเป็นคนขายวิทยุ
เขาจะพบว่า ในวันหนึ่งๆ ของคนขายต้องพบปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพของวิทยุเป็นจำนวนมากราย
ซึ่งอาจผิดพลาดได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนใจ
โดยนำเครื่องไปแลกเครื่องใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่าซึ่งผู้ขายก็ไม่ได้คิดเงินเพิ่ม
ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ดี
ภาพจาก http://www.cortthinking.com/cort/1/other-people%E2%80%99s-views-cort-1-lesson-10
หากได้ลองคิดอย่างมีประสิทธิภาพ 7 ขั้น คิดถึงทุกๆ ด้าน มองปัญหาให้ครอบคลุม คิดถึงผลที่จะเกิดตามมา ยึดจุดประสงค์ปลายทางไว้ให้มั่นว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่ง
คิดถึงทางเลือกที่จะเป็นไปได้ อะไรที่คนอื่นเขาคิด
แล้วคงช่วยในการคิดมีประสิทธิภาพและเกิดความคิดสร้างสรรค์ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น