วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ความคิดสร้างสรรค์ 10



8 นิสัยไม่ได้เรื่อง!!! สกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์

แหล่งข้อมูล  http://www.dek-d.com/article/25654/



รูปจาก  http://www.dek-d.com/article/25654/


     1. ไม่ช่างสังเกต
           ความช่างสังเกตเป็นพื้นฐานของคนฉลาด เพราะความช่างสังเกตจะทำให้เกิดการสงสัย การสงสัยนำไปซึ่งการหาคำตอบ และการได้คำตอบก็เท่ากับเราได้สร้างความรู้ใหม่ให้แก่สมองเรา แต่ถ้าเราไม่เริ่มสังเกตอะไรเลย ปล่อยให้ชีวิตอยู่กับสิ่งเดิมๆ ไม่ใช่แต่สมองที่ไม่ได้พัฒนา และไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์เท่านั้นนะ แม้แต่ชีวิตเราก็จะเกิดอุบัติเหตุเพราะความประมาทอันไม่ช่างสังเกตได้ เช่น การเดินไปโรงเรียนทุกวันบนทางเท้าประจำจนชิน แต่เมื่อคืนที่ผ่านมามีการปรับปรุงทางเท้านี้โดยที่เราไม่รู้ มีเทปูนไว้ ปูนก็ยังไม่แห้ง มีป้ายเตือนติดไว้ แต่บังเอิญป้ายปลิวหายไป ด้วยความที่เราเดินทุกๆ วัน เราก็ไม่สังเกตความผิดปกติอะไรของพื้นทางเท้านั้น สุดท้ายเราก็เดินตกลงไปในปูนที่ยังไม่แห้ง ตัวอย่างนี้มีจริง  เพราะฉะนั้น มาเป็นคนช่างสังเกตดีกว่า เริ่มจากสิ่งรอบตัวนี่แหละ คำเตือน!! อย่าวางใจกับเส้นทางที่คุณเดินทางประจำ

     2. เห็นพ้องไปกับคนอื่นๆ ทั้งที่ไม่เห็นด้วย
          คนที่ไม่กล้าปฏิเสธ หรือทำตามความคิดเห็นของตนเอง แม้จะคิดว่ามันดีกว่าก็ตาม ทำให้ตัวเองไม่มีความสุขได้นะ เคยไหมที่โมโหตัวเอง เพราะมัวแต่ไปเชื่อคนอื่น  ต่อให้เรามีความคิดดีๆ แต่ไม่กล้าบอกความคิด กลัวผิด ยอมที่จะเห็นพ้องไปกับคนอื่นทุกเรื่อง เป็นการสั่งสมให้เรากลายเป็นคนที่ไม่สามารถมีความสุขของชีวิต ด้วยไม่เคยพบกับความสำเร็จที่เกิดจากความคิดตนเองเลยได้  แต่การเห็นต่างก็ต้องมีเหตุผล  ถ้าเป็นการเห็นต่างเพราะไม่ชอบ ไม่ถูกชะตา แบบนี้ก็สกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ในแง่การไม่ยอมรับความคิดของผู้อื่นเหมือนกัน

     3. คิดไปก่อนแล้วว่า “เป็นไปไม่ได้  มันทำไม่ได้
          จริงๆ แล้วชีวิตคนเราขึ้นอยู่กับตัวเราเอง  อย่างเวลาที่เราตัดสินใจอะไรสักอย่างเราเลือกที่จะทำตามคนอื่น  แต่ในบางเวลาต้องเผชิญสิ่งใหม่...ไม่มีต้นแบบให้ดู ต้องตัดสินใจเอง  หลายครั้งเรากลับคิดแต่ว่า ทำไม่สำเร็จ เป็นไปไม่ได้ ทำไปก็เท่านั้น ฯลฯ แล้วก็เลือกที่จะไม่ทำ สุดท้ายเราก็จะไม่มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมาในชีวิตเลย  สมองทำงานอยู่กับความคิดคำนึงของตัวเรานะ ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้บ่อยๆ เข้า สมองจะรับข้อมูลนั้นและเก็บไว้ในจิตใต้สำนึก ทำให้เราไม่สามารถสลัดความเป็นไปไม่ได้นั้นออกไปได้  เราเลยเชื่อว่า ตัวเองทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง


ภาพจาก   http://grcfreedomoflife.blogspot.com/2012/10/blog-post_23.html#.Uk95NdLwn4Q


      4. ทำอะไรซ้ำๆ
          สิ่งจำเจเป็นอาการดื้อยาของสมอง     เจอบ่อยๆ ยาก็ไม่ออกฤทธิ์ ไม่ออกประโยชน์ การทำอะไรซ้ำๆ เลยเป็นสิ่งสกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ ลองทำสิ่งใหม่ให้สมองได้เรียนรู้บ้างดีกว่า อย่ามัวแต่กินอาหารเมนูเดิม เปลี่ยนบ้าง ถ้าตอนนี้ยังทำให้เห็นเป็นพฤติกรรมไม่ได้ แค่คิดอะไรใหม่ก็ยังดี จินตนาการใช้ได้จริง

     5. ไม่ชอบแสดงความคิดเห็น
          มาพร้อมกับการเห็นพ้องไปกับคนอื่นๆ ทั้งที่ไม่เห็นด้วย หรือบางทียิ่งแย่ไปกว่านั้นเพราะแทบที่จะไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ เช่น ในการประชุมกลุ่มรายงาน คิดว่าให้เพื่อนเก่งๆ เขาทำไป เดี่ยวเราค่อยช่วยออกแรงพิมพ์รายงานก็พอ ตอนนี้แหละที่อีกหนึ่งความคิดเห็นดีๆ หายไป งานกลุ่มควรเป็นงานที่ทุกคนในกลุ่มช่วยกันออกความคิดเห็นและร่วมกันทำ แต่มีไม่น้อยเลยที่งานกลุ่ม คือ ความคิดเห็นของผู้นำกลุ่มหรือเพื่อนที่เรียนเก่งที่สุดเพียงคนเดียว แบบนี้คนที่เก่งก็ได้คิดและเก่งอยู่คนเดียว  การที่เราไม่ออกความคิดเห็น ทำให้สมองไม่ได้เกิดการทำงาน ไม่มีการแก้ไขปัญหา ไม่มีการเชื่อมโยงความคิดเห็นและแสดงออกมาเป็นคำพูด เท่ากับสมองไม่ได้พัฒนาในเวลาที่มีโอกาสนั่นเอง

     6. ไม่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น
          คนที่กล้าแสดงความคิดเห็นของตนเอง และใช้ความคิดของตนเองเป็นใหญ่ก็เป็นอีกอุปนิสัยที่สกัดกั้นความคิดสร้างสรรค์ เพราะความคิดเห็นของคนๆ เดียว อาจผิดพลาด หรือไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็ได้ แม้จะมาจากคนที่เราเห็นว่าเก่งที่สุดก็ตาม และยิ่งเป็นคนที่ไม่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นแล้ว จะทำให้ตนเองกลายเป็นคนน่ารังเกียจ ที่ไม่มีใครอยากทำงานร่วมด้วยอีกต่างหาก การรับความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเราตั้งใจคิดตามทุกความคิดเห็นของคนอื่นด้วย เราจะเห็นว่าแต่ละคนมีมุมมองที่มาจากประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เมื่อมุมมองเหล่านั้นมารวมกัน จะทำให้เกิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้

     7. ยึดติดกับความรู้เดิมๆ หรือประสบการณ์เดิมๆ
          คนที่อ่านหนังสือมาก คนที่เรียนเก่ง มักคิดว่าความรู้ที่มีเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องหาความรู้เพิ่ม คนที่คิดแบบนี้กำลังขังตนเองอยู่ในกรอบ  ทำตัวเป็นกบในกะลา และยังคิดอีกว่าเป็นกะลาที่ดีที่สุดในโลก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว โลกนี้กว้างใหญ่   มีปริศนามากมายที่ยังไขไม่ออก  และมีความรู้อีกมากที่เรายังไม่รู้ อย่าให้ใครมาบอกว่าเราเป็นกบในกะลาได้

     8. อยากรู้หรือสงสัยแต่ไม่ถาม
          บางทีเราอาจเป็นคนช่างสังเกตอยู่แล้ว อาจเป็นคนคิดเก่ง และมีคำถามอยู่เสมอ แต่ถึงแม้จะมีอุปนิสัยพื้นฐานของคนฉลาดอยู่แล้ว แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะถาม เลยทำให้พลาดความรู้ดีๆ หรือโอกาสที่ความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวได้ บางครั้งเมื่อเราที่มีคำถามอาจไปหาคำตอบจากหนังสือ หรืออินเทอร์เน็ตก็ได้ แต่ในชั้นเรียนกลับไม่กล้าถามครู    ไปหลงทางที่ไหนก็ไม่กล้าถามทางกับคนแถวนั้น  หรือลืมที่จะหาคำตอบของปัญหานั้นๆ ไปอีก   อย่าลืมว่าความคิด หรือจุดเริ่มต้นดีๆ บางทีก็มาแบบชั่วครู่ แล้วก็จะเลือนหายไปจากสมองได้ ทำไมเราไม่หาคำตอบทันทีที่สงสัย  ถ้ามีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในสมองแล้วต้องลงมือทำลงมือคิดทันที













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น