วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คณิตศาสตร์กับศิลปะ 1 ศิลปะของเอสเชอร์ (1)




     คุณภาพของผู้เรียนเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  ได้มีการกำหนดไว้ในสาระและมาตรฐานการเรียนรู้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551   แต่ในที่นี้จะดูเพียงส่วนที่เกี่ยวกับเรขาคณิต และสนใจเฉพาะสองประการต่อไปนี้เท่านั้น  คือ
     -  มีความเข้าใจเกี่ยวกับการแปลงทางเรขาคณิต ( geometric  transformation )  ในเรื่องการเลื่อนขนาน (translation)  การสะท้อน (reflection)  และการหมุน (rotation)  และนำไปใช้ได้  (เรียนในระดับชั้น ม.2)
     -  สามารถนึกภาพและอธิบายลักษณะชองรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติได้  (เรียนในระดับชั้น ม.1)
    
  
  โดยจะขอนำเสนอกิจกรรมที่ช่วยเสริมความเข้าใจให้กับผู้เรียนและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ในเรื่องการแปลงทางเรขาคณิตด้วยกิจกรรม “ ศิลปะของเอสเชอร์  “    และเรื่องการวิเคราะห์ลักษณะรูปเรขาคณิตสองมิติ–สามมิติด้วยกิจกรรม “ ลูกบาศก์โซมา



     เราจะเริ่มเรื่องแรกคือ “ ศิลปะของเอสเชอร์  “  ซึ่งเรียบเรียงมาจากแหล่งความรู้ต่างๆ  ดังนี้

1. วินิจ วงศ์รัตนะ, ผู้ช่วยศาสตราจารย์.  คู่มือเตรียมสอบ คณิตศาสตร์ ม.1-2-3.  กรุงเทพฯ : บริษัท ไฮเอ็ดพับลิชชิ่ง จำกัด.
2. Doris Schattschneider and Wallace Walker. M.C.ESCHER KALEIDOCYCLES. New York : Ballantine Books, 1978.
3. Sheila Haak.  “TRANSFORMATION GEOMETRY AND THE ARTWORK OF M.C. ESCHER.”  Mathematics Teacher. December 1976 : 647 – 652.
4.  http://art.unt.edu/ntieva/pages/about/newsletters/vol_14/no_1/ReflectionLG.jpg
5. http://en.wikipedia.org/wiki/Regular_Division_of_the_Plane
6. http://euler.slu.edu/escher/index.php/File:Regular-division-13.jpg
7. http://homepage.mac.com/efithian/Geometry/Activity-12.html
8. http://pattama1008.files.wordpress.com/2009/08/clip_image001.jpg?w=470&h=224
9. http://th.wikipedia.org/wiki/กราฟิกดีไซน์
10. http://th.wikipedia.org/wiki/เมาริทส์_คอร์เนเลียส_เอสเชอร์
11. http://th.wikipedia.org/wiki/สมมาตร
12. http://www.learner.org/courses/learningmath/geometry/session7/part_c/index.html
13. http://www.mcescher.com
14. http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=4473
15. http://www.school.net.th/library/create-web/10000/science/10000-5854.html
16. http://www3.ipst.ac.th/primary_math/math_curriculum/core_curriculum51.asp




การจัดการเรียนรู้ในเรื่องการแปลงทางเรขาคณิตด้วยกิจกรรม “ ศิลปะของเอสเชอร์  “


          เมื่อเรื่องการแปลงทางเรขาคณิตได้รับการบรรจุเข้าไว้ในหลักสูตร  ชื่อของ เอ็ม ซี เอสเขอร์  (M.C. EscherMaurits  Cornelis  Escher)  ศิลปินชาวดัทช์ (ค.ศ.1898 – ค.ศ.1972) ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในห้องเรียนคณิตศาสตร์ ทั้งนี้เป็นเพราะว่างานของเอสเชอร์มีความเกี่ยวข้องกับการใช้ความสามารถทางคณิตศาสตร์ ภาพวาดของเอสเชอร์ในชุดที่มีชื่อว่า “ regular division of the plane “   สอดคล้องกับการเรียนเรื่องการแปลงทางเรขาคณิต  ในระหว่างที่นักเรียนชื่นชมงานศิลปะของเอสเชอร์  พวกเขาก็จะได้เรียนรู้เรื่องความสมมาตรที่พบในงานศิลปะชุดนี้ไปพร้อมๆ กัน  ซึ่งก็คือการสมมาตรโดยการเลื่อนขนาน (translation symmetry)  การสมมาตรโดยการสะท้อน (reflection symmetry)   การสมมาตรโดยการหมุน (rotation symmetry) และการสมมาตรโดยการสะท้อนแบบเลื่อน (glide reflection symmetry)



Regular Division of the Plane III, woodcut, 1957 - 1958.
ที่มา :  http://en.wikipedia.org/wiki/Regular_Division_of_the_Plane





ประวัติย่อของเอสเชอร์

     เมาริทส์ คอร์เนลีส เอสเชอร์ (Maurits  Cornelis  Escher หรือ M.C. Escher) เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ.1898 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถึงแก่กรรมวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ.1972 เป็นศิลปินสาขาเรขศิลป์ (graphic – ซึ่งมีคำในภาษาไทยที่ใช้แทนได้หลายคำคือ เรขศิลป์ เลขนศิลป์  หรือ เรขภาพ –  ที่มาของข้อมูล : http://th.wikipedia.org/wiki/กราฟิกดีไซน์) เอสเชอร์เป็นผู้มีผลงานที่ใช้หลักการทางเรขาคณิต ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง มิติ ภาพลวงตา และเทสเซลเลชัน ถึงแม้ว่าเขาจะมีความรู้ทางคณิตศาสตร์ไม่มากนักก็ตาม

     เอสเชอร์เริ่มต้นศึกษาขั้นต้นระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา เช่นเดียวกับนักเรียนทั่วไป แต่เรียนได้ไม่ค่อยดีนัก เว้นแต่วิชาด้านดนตรี และงานช่าง  แต่ด้วยความเป็นศิลปินที่ประยุกต์แนวคิดคณิตศาสตร์ไว้ในผลงาน ทำให้ผู้คนส่วนมากเข้าใจว่าเขาเก่งทางคณิตศาสตร์ แต่ความจริงแล้วเขายอมรับว่า เขาเรียนทั้งคณิตศาสตร์และพีชคณิตได้ไม่ดี ส่วนเรขาคณิตนั้น แม้จะสร้างจินตนาการให้เขาในภายหลัง แต่เมื่อครั้งเรียนหนังสือก็เรียนได้ไม่ดีเช่นกัน

     เอสเชอร์เข้าศึกษาสถาปัตยกรรมที่โรงเรียนสถาปัตยกรรมและมัณฑนศิลป์ ในเมืองฮาร์เลม (ค.ศ.1919ค.ศ.1922)  เริ่มสนใจงานกราฟิก และเดินทางท่องเที่ยว เพื่อสเกตช์ภาพทั่วยุโรปเป็นเวลาหลายปี ทำงานเป็นนักร่างแบบ วาดภาพประกอบหนังสือ นักออกแบบผ้าทอ และวาดจิตรกรรมฝาผนัง  ผลงานเริ่มเด่นชัดเมื่อเริ่มมีการทำภาพพิมพ์ขึ้นหลังปี ค.ศ.1937 และเริ่มเบี่ยงเบนความสนใจจากสถาปัตยกรรมมายังภาพพิมพ์นับแต่นั้นมา โดยมีการใช้หลักทางเรขาคณิตเป็นแนวคิด ทั้งเรื่องของรูปทรง มิติ และภาพลวงตา

     เอสเชอร์สมรสกับเยตตา อูมิเคอร์ เมื่อปี ค.ศ.1924 และอาศัยอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี จนถึงปี ค.ศ.1935 จากนั้นสถานการณ์ทางการเมืองทำให้ต้องย้ายไปสวิตเซอร์แลนด์ และต่อมาไปยังเบลเยียม ครั้นปี ค.ศ.1941 ขณะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพเยอรมันยึดกรุงบรัสเซลส์ เอสเชอร์จึงเดินทางกลับไปยังฮอลแลนด์ และอาศัยในเมืองบาร์น และทำงานที่นั่นกระทั่งเสียชีวิต เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ.1972  รวมอายุได้ 74 ปี

(ที่มาของข้อมูล  http://th.wikipedia.org/wiki/เมาริทส์_คอร์เนเลียส_เอสเชอร์)











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น