การแปลงทางเรขาคณิต
สมมาตร (Symmetry)
โดยทั่วไปจะหมายถึงสองความหมาย
ความหมายแรกคือการรับรู้ถึงการเข้ากันได้ หรือความงามได้สัดส่วน และความสมดุล
ดังความสวยงามหรือความสมบูรณ์แบบที่สะท้อนออกมา
ในความหมายที่สองคือความเที่ยงตรงและความคิดที่ชัดเจนของความสมดุลหรือ
"รูปแบบความคล้ายคลึงในตัวเอง"
ที่สามารถพิสูจน์หรือตรวจสอบได้ตามกฎของระบบในเชิงรูปนัย โดยใช้เรขาคณิต จนถึงฟิสิกส์ หรืออื่นๆ
แนวความคิดเรื่องความเที่ยงตรงถูกต้องของสมมาตรมีหลากหลายวิธีตัดสินและนิยาม
เช่น สมมาตรอาจจะใช้ในประเด็นของเวลาที่ผ่านไปตามความสัมพันธ์ของตำแหน่งตามการแปลงทางเรขาคณิต
เช่น ขนาด , การสะท้อน , การหมุน
ตลอดจนการแปลงฟังก์ชันชนิดอื่นๆ และตามมุมมองของวัตถุนามธรรม , แบบจำลองตามทฤษฎี ,
ภาษา,
ดนตรี และความรู้
สิ่งที่ตรงข้ามกับสมมาตร คือ อสมมาตร (Asymmetry)
ภาพ สมมาตร
และอสมมาตร
ภาพจาก http://th.wikipedia.org/wiki/สมมาตร
หรืออาจจะอธิบายแบบเรียบง่ายได้ว่า
สมมาตร
หมายถึงการมีสัดส่วนที่เหมือนกันหรือเท่ากับเท่ากันทั้งสองด้านของแกนสมมาตร
การแปลงทางเรขาคณิตในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จะเรียนเกี่ยวกับ การเลื่อนขนาน
(Translation) การสะท้อน (Reflection) และ การหมุน (Rotation) ซึ่งในเว็บไซต์ school.net.th
ให้คำอธิบายไว้ดังนี้
การเลื่อนขนานต้องมีรูปต้นแบบ
ทิศทางและระยะทางที่ต้องการเลื่อนรูป
การเลื่อนขนานเป็นการแปลงที่จับคู่จุดแต่ละจุดของรูปที่ได้จากการเลื่อนรูปต้นแบบไปในทางทิศทางใดทิศทางหนึ่งด้วยระยะทางที่กำหนด
จุดแต่ละจุดบนรูปที่ได้จากการเลื่อนขนานมีระยะห่างจากจุดที่สมนัยกันบนรูปต้นแบบเป็นระยะทางเท่ากัน การเลื่อนในลักษณะนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สไลด์ (slide)”
การสะท้อนต้องมีรูปต้นแบบที่ต้องการสะท้อนและเส้นสะท้อน (reflection line หรือ Mirror line) การสะท้อนรูปข้ามเส้นสะท้อนเสมือนกับการพลิกรูปข้ามเส้นสะท้อนหรือการดูเงาสะท้อนบนกระจกเงาที่วางบนเส้นสะท้อน
การสะท้อนเป็นการแปลงที่มีการจับคู่กันระหว่างจุดแต่ละจุดบนรูปต้นแบบกับจุดแต่ละจุดบนรูปสะท้อน
โดยที่
1. รูปที่เกิดจากการสะท้อนมีขนาดและรูปร่างเช่นเดิม
หรือกล่าวว่ารูปที่เกิดจากการสะท้อนเท่ากันทุกประการกับรูปเดิม
2.
เส้นสะท้อนจะแบ่งครึ่งและตั้งฉากกับส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมระหว่างจุดแต่ละจุดบนรูปต้นแบบกับจุดแต่ละจุดบนรูปสะท้อนที่สมนัยกัน
นั่นคือระยะระหว่างจุดต้นแบบและเส้นสะท้อนเท่ากับระยะระหว่างจุดสะท้อนและเส้นสะท้อน
การหมุนจะต้องมีรูปต้นแบบ
จุดหมุนและขนาดของมุมที่ต้องการในรูปนั้น
การหมุนเป็นการแปลงที่จับคู่จุดแต่ละจุดของรูปที่ได้จากการหมุน
โดยที่จุดแต่ละจุดบนรูปต้นแบบเคลื่อนที่รอบจุดหมุนด้วยขนาดของมุมที่กำหนด
จุดหมุนจะอยู่นอกรูปหรือบนรูปก็ได้
การหมุนจะหมุนตามเข็มนาฬิกาหรือทวนเข็มนาฬิกาก็ได้
โดยทั่วไปเมื่อไม่ระบุไว้การหมุนรูปจะเป็นการหมุนทวนเข็มนาฬิกา
บางครั้งถ้าเป็นมุมที่เกิดจากการหมุนตามเข็มนาฬิกา
ขนาดของมุมอาจใช้สัญลักษณ์ –x๐ หรือ ถ้าเป็นมุมที่เกิดจากการหมุนทวนเข็มนาฬิกา
ขนาดของมุมอาจใช้สัญลักษณ์ x๐
หรือคำอธิบายของผู้ช่วยศาสตราจารย์วินิจ
วงศ์รัตนะ ในหนังสือคู่มือเตรียมสอบ คณิตศาสตร์ ม.1-2-3 ดังนี้
การเลื่อนขนาน คือ
การกระทำที่ทำให้รูปทรงเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยที่รูปร่างและขนาดของรูปทรงนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
การหมุน คือ
การกระทำที่ทำให้รูปทรงเคลื่อนที่รอบจุดใดจุดหนึ่งหรือแกนใดแกนหนึ่ง
โดยไม่ทำให้รูปทรงและขนาดของรูปทรงนั้นเปลี่ยนแปลง
การสะท้อน คือ
การเปลี่ยนสภาพของรูปทรงให้อยู่ในลักษณะที่สมมาตรกับรูปทรงในสภาพเดิม
รูปทรงใหม่นี้มีลักษณะคล้ายกับภาพที่เกิดขึ้นในกระจกเงา
ภาพการเลื่อนขนาน
ดัดแปลงภาพจาก http://www.learner.org/courses/learningmath/geometry/session7/part_c/index.html
ในภาพ รูปดาวจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางตามลูกศรโดยที่รูปร่างและขนาดไม่เปลี่ยนแปลง
ภาพการหมุน
จากหนังสือคู่มือเตรียมสอบ
คณิตศาสตร์ ม.1-2-3
โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์วินิจ วงศ์รัตนะ
ภาพการสะท้อน
ดัดแปลงภาพจาก http://art.unt.edu/ntieva/pages/about/newsletters/vol_14/no_1/ReflectionLG.jpg
ในภาพ ตัวอักษร E
สะท้อนผ่านแกนของการสะท้อน ทำให้เกิดภาพใหม่ซึ่งเหมือนกับการเห็นภาพสะท้อนในกระจกเงา
ภาพการสะท้อนแบบเลื่อน
ดัดแปลงภาพจาก http://www.learner.org/courses/learningmath/geometry/session7/part_c/index.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น